ค่ำคืนนี้แฟนฟุตบอลเอเชียคงจะได้บทสรุปการแข่งขันศึกเอเชียนคัพ2019 ว่าชาติใดจะก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ ระหว่าง ทีมชาติญี่ปุ่น หรือ ทีมชาติกาตาร์

ต้องบอกว่าเป็นคู่ชิงชนะเลิศที่ดูสมน้ำสมเนื้อมากที่สุด เพราะจากผลงานของทั้งสองชาติในรอบที่ผ่านมาถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม ต่อให้ใครจะได้ตำแหน่งแชมป์ก็ต้องบอกว่าเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
เราจะไม่พูดถึงการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ แต่จะมาประเมินผลงานการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่ามีประเด็นไหนน่าสนใจ และยังเป็นที่จดจำของแฟนบอลกันบ้าง
– สนามแข่งขันที่สวยงาม พื้นเนียบกริบ
ข้อแรกถือเป็นสิิ่งดีๆที่ต้องขอชื่นชมกับความทันสมัยในเรื่องสนามแข่งขันที่นี่ ทุกสนามที่เราได้ติดตามจากการถ่ายทอดสดล้วนแต่เป็นสนามที่มีคุณภาพระดับโลก ทั้งเรื่องของผืนหญ้า ที่ปูแบบเนียนกริบ ไร้ที่ติ ทำให้การถ่ายทอดสดในแต่ละเกม ภาพที่ออกมามันดูเนียนตาดีซะเหลือเกิน
แม้การแข่งขันจะผ่านไปสู่รอบลึกๆแล้ว แต่การดูแลพื้นสนามก็ยังทำได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย บวกกับความที่เป็นประเทศมหาเศรษฐี ทำให้งบประมาณในเรื่องการดูแลสภาพสนามไม่ใช่ปัญหาของประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แม้สนามจะผ่านการใช้งานมาหนักขนาดไหน เจ้าภาพก็ยังคงเอาอยู่ ขอปรบมือดังๆให้กับความเอาใจใส่ในรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้

– แฟนบอลดูหนาตาแทบทุกสนาม
เป็นศึกชิงแชมป์เอเชียที่มีค่าเฉลี่ยแฟนบอลที่เข้าชมเกมในแต่ละนัดค่อนข้างสูง จะเห็นจากการถ่ายทอดสดในหลายๆเกม แฟนบอลแต่ละชาติต่างหลั่งไหลกันเข้ามาชมเกมอย่างหนาตา ผิดกับในหลายๆครั้งที่ผ่านมา ที่ส่วนใหญ่แฟนบอลจะหนักไปในยามที่เจ้าภาพลงสนามซะมากกว่า
อย่างคราวนี้ที่ทีมชาติไทยหลุดเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก็มีแฟนบอลช้างศึกแห่เข้าไปชมเกมในสนามถึงหลักพันคน ถือเป็นปรากฎการณ์การชมฟุตบอลของคนเอเชีย ที่ยกระดับขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยม และแฟนบอลส่วนใหญ่ที่เข้าไปเชียร์ต่างก็ประทับใจกับบรรยากาศในสนาม

– เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบของเจ้าภาพ
แน่นอนว่าการเป็นเจ้าภาพ ย่อมทำทุกวิถีทางให้ทีมชาติของตัวเองได้เปรียบคู่แข่งมากที่สุด คราวนี้ก็เช่นกันที่ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถูกแฟนบอลแซวตั้งแต่การจับสลากแบ่งสาย โดยพวกเขาถือเป็นทีมที่อยู่ในกลุ่มที่ว่ากันว่าเบาที่สุด ประกอบไปด้วย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ไทย, บาห์เรน, อินเดีย ก่อนจะจบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มตามคาด
เท่านั้นยังไม่พอการเป็นแชมป์กลุ่มของUAE จะต้องไขว้ไปเจอกับทีมที่จบอันดับ3ที่ดีที่สุดของกลุ่มซี ที่ประกอบไปด้วย เกาหลีใต้, จีน, คีร์กีซสถาน และ ฟิลิปปินส์ และปรากฎว่าชาติที่จบอันดับ3ของกลุ่มซี ก็คือ ทีมชาติคีร์กีซสถาน

– กรรมการตัดสินเข้าข้างเจ้าภาพ
ถือเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกสำหรับประเด็นเรื่องผู้ตัดสินที่มักจะเอนเอียงไปทางเจ้าภาพ คราวนี้เกิดขึ้นตั้งแต่นัดเปิดสนาม ในเกมที่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้จุดโทษแบบค้านสายตาในช่วงท้ายเกม ช่วยให้พวกเขาไล่ตามตีเสมอ บาห์เรน 1-1
เท่านั้นยังไม่พอ การเล่นในรอบ16ทีมสุดท้ายกับ ทีมชาติคีร์กีซสถาน เจ้าภาพก็มาได้ประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษจากจุดโทษปัญหา ที่ ฟู หมิง ผู้ตัดสินชาวจีนจัดให้แบบงามหน้า ซึ่งก็ยากที่จะมีใครปฎิเสธ เพราะทัวร์นาเมนต์นี้จะใช้VARตัดสินในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไหนๆก็จะใช้แล้ว ทำไมไม่เอามาใช้ตั้งแต่รอบ16ทีม หรือรอบแรกไปเลย

– แฟนบอลหัวรุนแรง
ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำผลงานทะลุเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ พบกับ ทีมชาติกาตาร์ ที่เต็มไปด้วยบรรดานักเตะโอนสัญชาติ และพวกเขาก็ต้องอกหักจอดป้ายไว้เพียงแค่รอบนี้ หลังโดน กาตาร์ ไล่ถลุงไปด้วยสกอร์ 4-0
โดยระหว่างที่กาตาร์กำลังฉลองประตูอยู่นั้น บรรดาแฟนบอลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในฐานะเจ้าภาพต่างแสดงความไม่พอใจด้วยการขว้างปารองเท้าลงไปใส่นักเตะกาตาร์ เดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่สนามที่ต้องคอยห้ามปราม แต่สายฝนรองเท้าก็ยังคงตกลงมาจากอัฒจันทร์แบบไม่หยุดยั้ง

น่าเสียดายที่ภาพบรรยากาศการเชียร์ที่น่าชื่นชมของแฟนบอลเจ้าถิ่น ต้องมาติดภาพลบเอาในเกมสุดท้ายของพวกเขา เพราะจากเหตุการณ์ขว้างรองเท้าในเกมนัดนั้น ต่างถูกแฟนฟุตบอลทั่วโลกประณามการกระทำดังกล่าว ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติคู่แข่ง และเป็นการแสดงออกของความไม่รู้แพ้รู้ชนะในเกมกีฬา
อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมแล้วการแข่งขันเอเชียนคัพ2019 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป ถือเป็นอีกหนึ่งทัวร์นาเมนต์ที่มีหลากหลายเรื่องราวให้น่าจดจำ ทั้งเรื่องของความสมบูรณ์แบบในการจัดการแข่งขัน รวมถึงผลงานการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของทีมชาติไทย
ถ้าไม่มองเรื่องที่เจ้าภาพใช้ความได้เปรียบในทางที่ไม่ค่อยเหมาะสม ดีไม่มีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียหนนี้ อาจจะเป็นครั้งที่จัดได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยผ่านมาก็เป็นได้ แล้วพบกันใหม่ในเอเชียนคัพ2023
Cr. ”’Biggy”’