Skip to content
ย้อนกลับไปในปี 2018 ชื่อของ “เฟร็ด” ห้องเครื่องระดับท็อปของลีกยูเครน ที่สามารถต่อกรกับทีมใหญ่ๆได้แบบสบายในเวทียุโรป ฉายแววขึ้นมาจะสามารถ ติดเป็น 11 ตัวจริงแทบยจะการันตีได้ทักนัดในนามทีมชาติบราซิล โดยการคุมทีมของ ติเต้ หลังจบซีซั่นนั้นกับ ชัคตาร์ โดเนตส์ เจ้าตัวเหมือนเป็ฯดาราชายแถวหน้า สามารถเลือกช่อลงได้หมด อยู่ที่ว่าทีมไหนจะติด่อมาและให้ค่าสัญญาที่โดนใจ ทว่าก็เป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมทุ่มด้วยค่าตัวถึง 52 ล้านปอนด์ ในช่วงตลาดซัมเมอร์ปี 2018 และเป็ฯผู้ชนะในดีลนั้น และนั้นก็เป้ฯถนนสายใหม่ที่แข้งรายนี้ต้องพบเจอ เขาผ่านอะไรมาบ้างกว่ารอบ 2 ปีในรังผีแดง
พังไม่เป็นท่า

ใช้คำนี้ได้เลยกับการเริ่มต้นในเกาะอังกฤษ อย่างท่ีบอกว่าก่อนจะย้ายมาเจ้าตัวตัวฮอตเหลือเกิน ความสามารถ ฝีเท้า เจิดจรหัส ตอนนั้น โชเซ่ มูรินโญ่ กำลังกุมบังเหียนผีแดง แต่ขนาดนั้นคนที่ต้องการตัวเขายังเอาตัวไม่รอด น้ามู โดนปลดในเวลาต่อมา สถิติของ เฟร็ด กับเจ้านายชาวโปรตุกีสคือ ลงสนามในลีกเพียงแค่ 8 จาก 17 เกม ด้วยฟอร์มการเล่นที่ไม่เอาไหน จับบอลลั่นอย่างกับเป็นนักเตะบราซิลที่โดนย้อนแมว ความมั่นใจไม่มี ยิงไกลไม่ได้ แถมส่งบอลสั้นๆง่ายๆ ก็ไมไ่ด้เรื่อง พูดง่ายๆคือเขาไม่ใช่ เฟร็ด คนเก่า อย่าพูดถึงเรื่องการปรับตัวเลย เพราะเบสิคฟุตบอลเขายังมีไม่พอ
แซมบ้า ไม่มาตามนัด

เมื่อเล่นไม่ดี ผลงานในสโมสรไม่เอาไหน เป็ฯตัวสำรองมากกว่าตัวจริง จากการการันตีเป็น 11 ตัวจริงในทีมชาติ บราซิล เขาหลุดยิ่งกว่านั้น เมื่อไม่มีชื่อเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะเปลี่ยนผ่านมาในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะเข้ามาคุมทัพต่อชั่วคราว กองกลางชาวบราซิลเลี่ยน ก็ยังเค้นฟอร์มเก่งไม่ได้เช่นเคย แต่ก็ต้องขอชมเชยโค้ชชาว นอร์วิเจี้ยน รายนี้ที่เริ่มจะกลับมาปลุกปีศาจจากนักเตะหลายคนที่ไม่เอาไหน ให้กลับมาได้บ้าง
ทั้งนี้มีบางเกมที่เหมือนจะมีแสงสว่างให้ เฟร็ด ได้เดินตามนั้นก็คือเกม บุกชนะ เปแอสเช จนเข้ารอบ ชปล. 8 ทีมสุดท้าย ที่เขาลงเล่นโดยอยุ่ในสนามครบทุกนาที ทว่าสุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน แถมในเกมลีกก็น่าเจ็บปวด ฤดูกาล 2018/19 เฟร็ดลงเล่นให้ แมนยู ในช่วงโค้งสุดท้าย 5 เกม ทีมแพ้ไปถึง 4 เกม และเกมที่ทำให้เขาต้องกลับมาคิดกับชีวิตต่อจากนี้ไปก็คือ เกมที่ โดน เอฟเวอร์ตัน ยิงใส่แบบยับเยิน 4-0 เกมนั้นเขาเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่ด้วยการโดนเปลี่ยนตัวในช่วงพักครึ่ง
โอกาสสุดท้าย

ว่ากันว่าคนเราจะมีช่วงขาขึ้นและขาลง ใหากเปรียบกับ เฟร็ด ในตอนนั้น เขาอยู่ในช่วงขาลงแบบรถไฟตีลังกา และแน่นอนมีข่าวมากมายว่าเขายอมแพ้ ขอย้าย แต่ไม่มีข่าวไหนในทำนองนี้ที่หลุดจากปากเจ้าตัวจริงๆ เปิดฤดูกาลมา เขายังมีชื่อกับทีม เริ่มฤดูกาล 2019/20 ดูเหมือนเขาจะหายไปจากทีมถึง 4 เกมแรก แต่หลังจากนั้นทุกอย่างเริ่มเข้าทางกองกลางรายนี้บ้างแล้ว เดือนตุลาคม เฟร็ด ได้ลงเล่นตัวจริงในลีกเป็นเกมแรกของซีซั่น ที่อาการบาดจเ็บ ของ ป็อกบา และหลังจากนั้นเขาลงเล่นให้ทีมมาโดยตลอด ผลงานอาจจะมีตะกุกตะกักในช่วงแรก แต่มันดีขึ้นกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะเกมที่เสมอกับจ่าฝูง ลิเวอร์พูล และ่าจะเป็ฯผีแดงที่ชนะด้วยซ้ำ สถิติของเจ้าตัวคือ แย่งบอลได้ 4 ครั้ง จ่ายบอลแม่นยำถึง 91% แท็กเกิ้ลอีก 2 ครั้ง
ไม่มีอะไรมาหยุดเขาได้อีก

จากนักเตะที่เกือบหมดอนาคต ในตอนนี้เขาลงเล่นให้ทีมมากที่สุดเป็ฯอันกับ 2 รองจากกัปตัน แฮร์รี่ แม็กไกวร์เท่านั้น “มีสมาธิ, เล่นให้ดี และลดข้อผิดพลาดให้น้อยลง คือ 3 สิ่งที่โค้ชบอกผม และผมก็พยายามทำตาม นั้นแหละคือเคล็ดลับ” ไม่มีอะไรซับซ้อน โซลชา คนที่เคยเป็ฯนักเตะ และใช้เวลาข้างสนามมากกว่าในสนาม บอกนักเตะบราซิลเพียงแค่ 3 ข้อ เขานำมันไปปรับใช้
ทว่าการเข้ามาของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยิ่งทำให้งานของเขาง่ายขึ้นไปอีก ทั้ง 2 คนคอยสอประสานสร้างสรรค์ผลงานดีๆออกมาต่อเนื่อง พัฒนาการของเขาในฤดูกาลนี้เรียกได้ว่ายอดเยี่ยม ยิ่งกับ บรูโน่ด้วยแล้ว พวกเขาลงเล่นด้วยกัน 9 เกม เฟร็ด ก็มีส่วนร่วมกับประตูถึง 5 ลูก ยิง 2 จ่าย 3 ทว่าก่อนหน้านี้ถึง 55 เกม เขายิงได้แค่ 3 ประตูเท่านั้น หากจะบอกว่าสิ่งเดียวที่หยุดความร้อนยแรงของเจ้าตัวในตอนนี้ก็คือ ไวรัสโควิด-19 ก็คงไม่ผิดนัก
Like this:
Like Loading...
Related